ธรรมไก่กา
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
เทศน์บนศาลา วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๕
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์ สัตว์นี่สัตว์มนุษย์สัตว์ในวัฏฏะ ในสังสารวัฏ องค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ๆ แต่! แต่สัตว์มันไม่มีบุญไง มันไม่เชื่อ มันไม่ศรัทธาในตัวของมันเอง ถ้ามันศรัทธาในตัวของมันเองนะ มันจะมีอำนาจวาสนา มันจะมีการกระทำ มันจะสำนึกที่ดีงามไง
เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา นี่พระพุทธ-ศาสนาไง สิ่งที่ดีงามไง กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่งๆ เห็นไหม เวลามันเจริญขึ้นมาในประเทศไทยไง เราเกิดในประเทศอันสมควร เราเกิดในประเทศที่นับถือพระพุทธ-ศาสนา พระพุทธศาสนา ศาสนาประจำชาติ วัดวาอารามทั่วประเทศไทยเลย มีพระภิกษุ พระสงฆ์ ท่านศึกษาในภาคปริยัติ และฝึกหัดประพฤติปฏิบัติไง เราเห็นอยู่เต็มหูเต็มตาทั้งสิ้น
ถ้าเราเห็นอยู่เต็มหูเต็มตาทั้งสิ้น ในชีวิตประจำวันของเรา ขึ้นบ้านใหม่ก็เอาพระไปสวดมนต์ อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตา-นญฺจ เสวนา สวดมงคล ๓๘ประการ เวลาคนตาย คนตายก็นิมนต์พระไปสวดอภิธรรม กุสลา ธมฺมา อกุสลาธมฺมา เวลาสวดมนต์ อภิธรรมๆ นั่นน่ะยอดของธรรมะเลยล่ะ เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา แต่เราก็ทำกันเป็นพอเป็นพิธี เราก็ฟังเอาบุญเอากุศลกันไง
มันมีโอกาสมาก เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธ-ศาสนา กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง จะเจริญอีกหนหนึ่ง เวลาเจริญงอกงามขึ้นมา งอกงามมันต้องมีเสาหลัก มันต้องมีแก่น แก่นของพระพุทธศาสนาไง เวลาศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง เห็นไหม หลวงปู่มั่นท่านบอกไว้ว่า “ศาสนาเจริญตั้งแต่พระจอมเกล้าฯ ออกมาฟื้นฟู ฟื้นฟูวินัย ฟื้นธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพระจอมเกล้าฯ ท่านก็ออกประพฤติปฏิบัติ ออกธุดงค์เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วท่านก็มีภาระหน้าที่ของท่าน” เห็นไหม
เวลาฟื้นฟูขึ้นมา ให้ใกล้ชิดให้ชัดเจนในพระพุทธศาสนา กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง มีครูบาอาจารย์ของเรา มีหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านเกิดมาไง คนที่มีบุญเกิด เกิดมาแล้วมีศรัทธามีความเชื่อในพระพุทธศาสนา นี่บวชพระๆ พอบวชแล้วขึ้นมาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ไง
เพราะเกิดมาในประเทศอันสมควร เกิดมาในประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เกิดมาก็เห็นวัดเห็นวา เห็นอาราม เห็นภิกษุ เห็นนักรบ จะรบกับกิเลสตัณหาความทะยาน-อยากไง นี่ด้วยอำนาจวาสนาไง มันก็ฝักใฝ่ใฝ่ดีใฝ่อยากจะประพฤติปฏิบัติ อยากจะเอาจริงเอาจังขึ้นมาไง พอเอาจริงเอาจังขึ้นมาเพราะอะไร
เพราะได้สร้างบุญสร้างกุศลของท่านไว้ แล้วสร้างบุญสร้างกุศลของท่านไว้ไงเวลาเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเป็นความทุกข์ความยากทั้งสิ้น ถ้าความทุกข์ความยากทั้งสิ้น ถ้าเป็นความสุขๆ จะหาจากที่ไหน ถ้าจะหาจากที่ไหนก็จะแสวงหาสัจจะหาความจริงขึ้นมาในพระพุทธศาสนา องค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมไง วิมุตติสุขๆ ต้องการสัจธรรมอันนั้น แล้วต้องการสัจธรรมอันนั้นมันจะแสวงหาได้ที่ไหน
มันก็ต้องแสวงหาในพระพุทธศาสนา แสวงหา เราบวชมาเป็นพระ เป็นนักรบจะรบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจของตน ถ้าจะรบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตนแล้วจะไปรบที่ไหนล่ะ เพราะคนถ้าไม่มีบุญไม่มีกุศลนะ ก็รบกับการประพฤติปฏิบัติของตนไปตามอำนาจวาสนาของตนไง ถ้าตามอำนาจวาสนาของตน ผู้ที่เป็นเกจิอาจารย์ เขาก็มีบุญมีวาสนาของเขา เวลาเขาเกิดมา เขาก็สร้างคุณงามความดีของเขา เขาก็เป็นเกจิอาจารย์เฉพาะบุคคลๆ ไป
แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ มีอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา มีพระอรหันต์เอตทัคคะ ๘๐ องค์ มีลูกศิษย์ลูกหา เสนาบดีแห่งธรรมไปช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นก็เหมือนกัน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นเวลาท่านฝึกหัดประพฤติปฏิบัติของท่าน ท่านเป็นสัจจะความจริงในหัวใจของท่าน ท่านฟื้นฟูหัวใจของท่าน ท่านเป็นธรรมแล้วๆ ท่านอบรมบ่มเพาะสร้างธรรมทายาทๆไง มันมีรุ่นที่ ๑ รุ่นที่ ๒ รุ่นที่ ๓ มันสืบต่อ สืบต่อให้ศาสนามันแวววาว ให้ศาสนามันมั่นคงไง เพราะเราเป็นชาวพุทธไง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา แล้วส่วนใหญ่แล้วอุบาสก อุบาสิกา ครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆท่านเผยแผ่ธรรมๆ ไง ให้มีศรัทธามีความเชื่อในพระพุทธศาสนา ให้มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ให้สร้างบุญสร้างกุศลของตนไง ถ้าสร้างบุญสร้างกุศลของตนเวลาถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา เห็นไหม
ชาวพุทธมากมายมหาศาล เริ่มต้น เริ่มต้นก็จากทาน เริ่มต้นก็ไปวัดไปวา พอศึกษาค้นคว้าแล้วเอ๊ะ! เอ๊ะ! เอ๊ะก็อยากทดสอบ อยากประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าอยากประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเขามีอำนาจวาสนา เขาจะฝึกหัดประพฤติปฏิบัติของเขา ถ้าประพฤติปฏิบัติของเขา ประพฤติปฏิบัติของเขา ประพฤติปฏิบัติที่ไหนหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านก็ปฏิบัติของท่าน
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ไม่มีศาสนา มันมีแต่เดียรถีย์นิครนถ์ต่างๆ ศาสนาก็ความเชื่อ เชื่อในผีในสาง เชื่อใน เห็นไหม เวลาเป็นพราหมณ์ก็เชื่อในอวตาร เชื่อในอาตมัน คงที่ไง เกิดอย่างนั้นแล้วก็ต้องเกิดอย่างนั้นตลอดไป ไม่ใช่! องค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมแล้วไม่เชื่อสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ให้เชื่อมรรคเชื่อผลในหัวใจของตน เห็นไหม กาลามสูตร กาลามสูตรไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อแต่ผลการประพฤติปฏิบัติของเรา แล้วเชื่อผลของการประพฤติปฏิบัติของเรา แล้วปฏิบัติได้จริงหรือเปล่าล่ะ
เวลาปฏิบัติ เวลาเจ้าชายสิทธัตถะไปศึกษาค้นคว้ากับเจ้าลัทธิต่างๆ ก็ค้นคว้าไปกับเขา แล้วมันมีจริงมีจังมาหรือไม่ มันไม่มีจริงมีจังขึ้นมาเพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย๑๖ อสงไขย ท่านสร้างสมบุญญาธิการของท่านมามากมายมหาศาล เวลาจะเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ใครจะมาอบรมบ่มเพาะท่านได้ เป็นไปไม่ได้ แล้วท่านจะไปศึกษากับใครเขาก็ไม่มีอยู่จริงไง
แต่เวลาเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้เองโดยชอบ ความชอบธรรม สัจธรรมเป็นจริงๆ ถ้าไม่มีศาสนาก็ต้องรื้อค้นขึ้นมาโดยอำนาจวาสนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนามันมีอยู่แล้ว แต่ถึงเวลา โลกเป็นใหญ่ๆ โลกมันกลืนกินไปทั้งสิ้น แม้กระทั่งเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในประเทศไทยศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มันก็เป็นเพราะชาติของกิเลสไง กิเลสมันก็เฟื่องฟูขึ้นมายิ่งใหญ่ขึ้นมาไง บวชพระบวชเจ้าขึ้นมาแล้วมันมีศีล ๒๒๗ แล้วทุกคนต้องยกย่องสรรเสริญ ต้องบูชาสรรเสริญ มันจะบูชาอะไร มันมีอะไรควรบูชามันมีกลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมที่มันหอมทวนลมหรือไม่ มันมีแต่กลิ่นของกิเลสกลิ่นกิเลสที่เบียดเบียน บีบบี้สีไฟ เอาชนะคะคานคนอื่น มันไร้สาระ
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านถึงศึกษาค้นคว้าของท่าน ท่านศึกษาค้นคว้าของท่าน ท่านมาประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริงในหัวใจของท่าน ท่านทำคุณงามความดีขึ้นมาในใจของตน ถ้าทำคุณงามความดีขึ้นมาในหัวใจของตน เวลาถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงมันค้นคว้าแล้วมันเปรียบเทียบเพราะอะไร เพราะมันไม่มีผู้รู้จริงที่คอยชี้แนะคอยบอกไง ถ้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมามันก็เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาจากภาคปริยัติ ภาคปริยัติก็ธรรมะขององค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง นั่นคือภาคปริยัติ แล้วจะภาคปฏิบัติขึ้นมา แล้วมันจะปฏิบัติขึ้นมาเป็นความจริงมาจากที่ไหนล่ะ
นี่ไง เวลาเริ่มต้นเริ่มมาหลวงปู่เสาร์ท่านก็พาออกประพฤติปฏิบัติก่อน เวลาออกประพฤติปฏิบัติจนช่วยเหลือตัวเองได้แล้วก็แยกออกจากกัน เพราะอะไรเพราะต่างคนต่างสร้างอำนาจวาสนาบารมีมาเหมือนกัน จะมีบริษัทบริวารขึ้นมาเพื่อสืบต่อเป็นรุ่นเป็นชั้นขึ้นมา เพื่อสืบต่อให้พระพุทธศาสนาแวววาวไง แวววาวมันเป็นจริงไง
กึ่งกลางพระพุทธศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง เจริญที่ไหน เวลามันเจริญขึ้นมามันก็เจริญมาจากภาคปฏิบัติ เจริญขึ้นมาจากสัจจะความจริงไง ถ้าสัจจะความจริงขึ้นมามันชี้นำหรือคุ้มครองดูแลผู้ที่ประพฤติปฏิบัติต่อเนื่องกันขึ้นมาได้ แล้วต่อเนื่องขึ้นมาได้ เห็นไหม มันก็สมบูรณ์แบบไง
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว มีรัตนะสอง มีพระพุทธเจ้ากับพระธรรมเท่านั้น แสดงธัมมจักฯ พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม สงฆ์สมบูรณ์แบบ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสัจจะเป็นความจริง เป็นรัตนตรัย เวลากึ่งกลางพระพุทธ-ศาสนามันก็มีสมมุติสงฆ์ แล้วสมมุติสงฆ์จะทำหัวใจขึ้นมาให้เป็นอริยสงฆ์ ให้ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจของตน แล้วทำอย่างไร
เวลาทำก็ทำไป เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าไปศึกษาค้นคว้ากับเจ้าลัทธิต่างๆ นั่นน่ะพวกเดียรถีย์ นิครนถ์ พวกพราหมณ์ เขาไสยเวทเขาก็เชื่อของเขา เวลากึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง ถ้าเจริญอีกหนหนึ่งเจริญขึ้นมาจากที่ไหนล่ะ ถ้าเจริญขึ้นมา มันจับต้นชนปลายสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาให้เป็นประโยชน์ขึ้นมาได้อย่างไร มันเป็นพิธีกรรมทั้งสิ้น นี่ไงเวลาประเพณีทางภาคเหนือ เวลาประเพณีเขาแห่ไม้ค้ำโพธิ์ๆ ค้ำโพธิ์เป็นบุญเป็นกุศล การค้ำโพธิ์ๆ ค้ำโพธิ์เป็นบุญเป็นกุศลแน่นอน
นี่ก็เหมือนกัน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะออกประพฤติปฏิบัติเวลาไปแล้ว พระเจ้าพิมพิสารคิดว่าโดนปฏิวัติมา ให้กองทัพครึ่งหนึ่ง ให้ไปเพื่อเอาอำนาจคืนมา เจ้าชายสิทธัตถะบอก “ไม่ใช่! ออกมาหาโพธิญาณ ออกมาหาสัจจะความจริง ที่ออกมาเต็มใจและตั้งใจออกมา ไม่มีใครขับไล่ไสส่งทั้งสิ้น” พระโพธิสัตว์ๆ เกิดมาชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แต่ยังไม่บรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องศึกษาค้นคว้าแสวงหาต่อไป
พระเจ้าพิมพิสารขอสัญญาไว้ว่า “ถ้าประพฤติปฏิบัติ ถ้าได้มรรคได้ผลแล้วให้กลับมาสั่งสอนด้วย กลับมาเพื่อโปรดพระเจ้า-พิมพิสารด้วย” สัญญากันไว้ นี่ไงเวลาค้ำโพธิ์ๆ โพธิ โพธิญาณที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานี่ก็เหมือนกัน เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ ต้นโพธิ์ก็เป็นต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ในพระพุทธศาสนา เวลาสิ่งในวัดก็มีต้นโพธิ์ๆ ประเพณีวัฒนธรรมเขาก็มีไม้ค้ำโพธิ์ๆ ค้ำโพธิ์ก็ส่งเสริมพระพุทธศาสนาไง
เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ใครมีอำนาจวาสนาขึ้นมาก็ทำบุญกุศลของเขา ถ้าทำบุญกุศลของเขา พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ก็สร้างคุณงามความดีๆ คุณงามความดีมันก็เป็นพิธีกรรมไง ก็เหมือนไม้ค้ำโพธิ์ๆ เวลาถ้าเอาสัจจะเอาความจริงขึ้นมาล่ะ พระกรรมฐานๆ ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่งๆ เจริญที่ไหน เวลาเจริญก็ต้องเจริญขึ้นมาในหัวใจ ไม่ใช่เจริญที่ไม้ค้ำนั้น ถ้าไม้ค้ำนั้นก็เป็นพิธีกรรมการประพฤติปฏิบัตินี่ไง เป็นพิธีกรรม มันไม่ใช่ต้นโพธิ์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา มันจะเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจดวงนั้น ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจดวงนั้นแล้วหัวใจดวงนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ พุทธะ โพธิ ถ้าจะเอาสัจจะเอาความจริงขึ้นมามันต้องทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าทำความสงบใจเข้ามา สิ่งที่ประเพณีวัฒนธรรมเขาก็ค้ำโพธิ์ๆ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา นั่นก็เป็นบุญเป็นกุศลของเขา แต่เวลาเอาจริงเอาจังขึ้นมานั่นเป็นพิธีกรรมทั้งสิ้น
แม้แต่การประพฤติปฏิบัติมันก็เป็นพิธีกรรม แต่เป็นพิธีกรรมที่เอาจริงเอาจังขึ้นมา เป็นพิธีกรรมที่ความสงบระงับในหัวใจของตนมันมีหรือไม่ ถ้ามีหรือไม่ทำความสงบของใจเข้ามา ใจสงบ โอ้โฮ! มันเป็นความสุข ถ้าจิตสงบไง พุทธะโพธิ มันเป็นสัจจะเป็นความจริงของมัน แล้วเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา แล้วจะยกขึ้นสู่วิปัสสนาอย่างไรล่ะ
เวลาเขาดูถูกเหยียดหยามพระกรรมฐานไง “พุทโธ พุทโธมันเป็นสมถะ มันแก้กิเลสไม่ได้ มันแก้กิเลสไม่ได้” เอ็งภาวนาไม่เป็น เอ็งไม่เคยภาวนา เอ็งไม่รู้จักหรอก เวลาจะเอาจริงเอาจังขึ้นมานะ เอ็งรู้จัก เอ็งรู้จักได้แต่ไม้ค้ำนั่นแหละ ไม้ค้ำโพธิ์เอ็งแบกหามกันอยู่นั่นแหละ แล้วก็ค้ำโพธิ์ มันก็เป็นบุญเป็นกุศล แต่ไม่เห็นต้นโพธิ์ รู้จักต้นโพธิ์ไม่ได้
เวลาจะเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ทำความสงบของใจเข้ามาๆ ถ้าใจสงบระงับแล้ว ถ้าใจสงบระงับแล้วมันมีความสุขของมัน นี่ไง เวลาจิตสงบไง หลวงปู่มั่นท่านพิจารณาของท่านอยู่ตลอดเวลา พอจิตสงบแล้วฝึกหัดพิจารณากายๆ ทำไมออกมาแล้วมันไม่มีสิ่งใดเจริญงอกงามขึ้นมาในใจ ทำไมใจของตนมันยังเป็นเหมือนเดิม โพธิมันยังไม่มีสิ่งใด เห็นไหม หลุดวิ่น ขาดวิ่นออกไปจากใจ “ทำไมมันเป็นอย่างนั้น ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ” มันพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุพเพนิวาสานุสติ-ญาณจุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณนั่นยังไม่ได้สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้า เวลาจิตมันสงบแล้วระลึกอดีตชาติได้ไม่มีต้นไม่มีปลาย มองอนาคตกระจ่างเลย อดีต อนาคตหมดเลย แต่ยังไม่มีปัจจุบันธรรม ยังไม่มีทางสายกลางในพระพุทธศาสนา เวลาเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา ดึงกลับมา ดึงกลับมาด้วยวาสนาของตน เวลาชำระล้างกิเลสในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาสวักขยญาณทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาหลวงปู่มั่นทำความสงบของใจเข้ามา แล้วทำไมมันไม่เห็นมีอะไรเจริญงอกงาม ไม่เห็นเจริญงอกงามเลย นี่ไง เวลาคนที่มีอำนาจวาสนามีบุญกุศลของท่าน ท่านสร้างบุญกุศลมามากมายมหาศาล การกระทำแล้วมันต้องมีสติมีปัญญาเท่าทันในหัวใจของตน เท่าทันในบุญญาธิการของตนที่จะทำอย่างไรให้เป็นสัจจะเป็นความจริง อ้อ! นี่ไง ได้สร้างบุญกุศล ได้เป็นโพธิสัตว์ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน นี่ลา ลาในสมาธิ ลาเป็นสัจจะความจริงในหัวใจของท่าน
เวลาลาพระโพธิสัตว์แล้วกลับมาทำความสงบของใจให้มากขึ้น พอทำความสงบของใจมากขึ้นแล้วน้อมไปเห็นกายพิจารณากาย พิจารณากาย กายก็ใครก็พิจารณาได้ การพิจารณากาย สติปัฏฐาน ๔ กายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ มันท่องจำทั้งนั้น แล้วมันก็วิเคราะห์วิจัยวิเคราะห์วิจัยโดยสติโดยปัญญาของเขา แต่เอาความจริง เอาความจริงจับต้นชนปลายไม่ได้
กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง เจริญโดยการประพฤติปฏิบัติโดยหัวใจ โดยสัจจะ โดยความจริง โดยโพธิญาณ โดยโพธิ โดยพุทธะโดยสัจจะอันนั้น เวลาจิตสงบแล้วน้อมไปพิจารณากาย โอ้! พิจารณากายไปแล้วเห็นไหม การพิจารณา จิตเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง พิจารณาไปแล้วมันเป็นไตรลักษณ์ พอเป็นไตรลักษณ์แล้วมันสำรอกมันคาย
โอ้โฮ! นี่เวลาประพฤติปฏิบัติจบแล้วมาทบทวน อื้อฮือ! มันแตกต่าง มันแตกต่างจากการทำความสงบใจเข้ามาแล้วพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันไม่ก้าวหน้าไงพระโพธิสัตว์ๆ ก้าวได้แต่แค่ฌานโลกีย์เท่านั้น พระโพธิสัตว์ๆ ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพยากรณ์แล้วจะต้องเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลแน่นอน
แต่ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่พยากรณ์ สิ่งที่สร้างสมบุญญาธิการมา พระโพธิสัตว์สร้างสมบุญญาธิการมามากน้อยขนาดไหน ถ้ามากน้อยขนาดไหน สิ่งที่เวลาพิจารณาไปแล้วถ้ามันเข้าสู่อริยสัจไง เวลาพาดกระแสนะ พระโสดาบันเกิดอีก ๗ ชาติ มันไปขัดแย้งกับความที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ การสร้างสมบุญญาธิการจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันขัดแย้งกัน มันเข้ากันไม่ได้
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีขัดและไม่มีแย้งกัน ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ก็ต้องเป็นพระโพธิสัตว์ไปจนกว่าจะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าจะบรรลุธรรม ถ้าจะเข้าสู่สัจจะ อริยสัจ สัจจะความจริง เขาลาพระโพธิสัตว์ ถ้าไม่ลาพระโพธิสัตว์อำนาจบุญกุศลมันจะลากไป ลากไป เห็นไหมบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ มันจะไปสู่อดีต อนาคต เพื่อสร้างสมบุญญาธิการจะไปเป็นพระโพธิสัตว์ต่อเนื่องไป
ฉะนั้น เวลาลาแล้วมันวางสิ่งนั้น เวลาวางสิ่งนั้นแล้ววางอำนาจวาสนาบารมีแต่อำนาจวาสนาบารมีเข้ามาเสริมสร้างไง เสริมสร้างโดยการประพฤติปฏิบัติโดยสติ โดยศีล โดยสมาธิ โดยปัญญา ให้มันมีกำลัง มีอำนาจวาสนา ให้มันมหาศาลขึ้นมา เวลาพิจารณาไปแล้ว โอ้โฮ! โอ้โฮ! โอ้โฮ! ขนาดไหน มันก็เป็นว่ากิเลสของใคร กิเลสของใครที่มันเข้มข้นเข้มแข็ง มันก็จะตอบสนองกับใจดวงนั้น ถ้ากิเลสของใครมันปานกลาง กิเลสของใครมันนุ่มนวลอ่อนหวาน เห็นไหม
ฉะนั้น จริตนิสัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอตทัคคะ ๘๐ องค์ ความถนัด อำนาจวาสนาบารมีของคนแตกต่างกัน เพราะการสร้างมาแตกต่างกันพันธุกรรมของจิตไม่มีซ้อนกัน พระอรหันต์ล้านๆ องค์ ก็สมุจเฉทปหานโดยสัจจะโดยความจริง โดยมรรคญาณในหัวใจของพระอรหันต์องค์นั้นๆ ไม่มีซ้ำซ้อน เป็นสัจจะความจริงแต่ละองค์ๆ ทั้งสิ้น เพราะมันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีกำมือในเรา แบตลอด ให้ชาวพุทธมีโอกาส มีอำนาจวาสนา ที่จะพยายามขวนขวาย มีการกระทำของตนให้ขึ้นมา ศาสนาเป็นสัจจะเป็นความจริง รอแต่คนจริงเท่านั้นที่จะเข้ามารื้อค้นค้นคว้าพระพุทธศาสนา นี่ศาสนาตามความเป็นจริงไง
ถ้าศาสนาเป็นจริง ครูบาอาจารย์ท่านพยายามขวนขวายค้นคว้าขึ้นมากึ่งกลางพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง ถ้าเจริญขึ้นมาแล้วเวลาสร้างธรรมทายาทๆ ไง ถ้าธรรมทายาท ถ้าครูบาอาจารย์ ถ้าไม่มีสติปัญญาความรู้ความจริงขึ้นมาจะอบรมบ่มเพาะขึ้นมาได้อย่างไร
เวลาอบรมบ่มเพาะขึ้นมา เห็นไหม เพราะหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสมบุกสมบันของท่านมาแต่ละขั้นแต่ละตอนของท่าน ถ้าแต่ละขั้นแต่ละตอนของท่านเวลาท่านอบรมบ่มเพาะลูกศิษย์ลูกหาของท่าน “เหมือนเรา เหมือนเราที่นั่นเหมือนเราที่นั่น เหมือนเรา” แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเรา เวลาท่านอบรมบ่มเพาะขึ้นมา เห็นไหม
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่เพ็ญเดือน ๖ เหมือนใคร นั่นคือศาสดาของเรา มันเป็นสัจจะเป็นความจริงที่มันเข้าเป็นผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต มันไม่ใช่ไม้ค้ำโพธิ์ มันเป็นต้นโพธิ์ มันเป็นโพธิญาณ มันเป็นสัจจะเป็นความจริงในหัวใจดวงนั้น ถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงในหัวใจดวงนั้น อริยสัจมีหนึ่งเดียวเท่านั้น อริยสัจไม่มีซ้ำซ้อนใครทั้งสิ้น แล้วอริยสัจซ้ำซ้อนไง สิ่งที่เป็นสัจจะเป็นความจริงมันต้องเป็นขึ้นมาความจริงในหัวใจของเราไง
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมๆ เวลาแสดงธรรม ผู้ที่มีสัจจะมีความจริงมีกิจจญาณ มีสัจจญาณขึ้นมาในหัวใจของตน มันถึงจะเป็นสัจธรรมเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจดวงนั้น ถ้ามันสิ่งใดไม่เกิดขึ้นไง ไม่เกิดขึ้นกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง ทุกอย่างเพียบพร้อม ทุกอย่างพร้อมทั้งนั้นเลย พร้อมให้ชาวพุทธได้ออกประพฤติปฏิบัติไง เราเกิดมาเราก็เห็นวัดเห็นวา เห็นครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติมากมายมหาศาล แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติมันก็เป็นบุญเป็นกุศลของท่าน
เวลาหลวงตาพระมหาบัวท่านจะออกประพฤติปฏิบัติ ศึกษามาเป็นมหาเข้าใจธรรมะทั้งหมด แต่ใครจะเป็นคนยืนยัน พอยืนยันมันก็ต้องยืนยันโดยหลวงปู่มั่นเท่านั้น ถึงมุ่งหน้าหาหลวงปู่มั่นเท่านั้น ถ้าหลวงปู่มั่นเป็นผู้คุ้มครองเป็นผู้ดูแลดูแลอย่างไร เพราะท่านสมบุกสมบันมาก่อน แล้วสมบุกสมบันมาก่อน ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริง สัจธรรมความเป็นจริงขึ้นมาในหัวใจของเรามันต้องเป็นความจริงอย่างนั้น มันจะเป็นความจริงอันเดียวกัน มันมีหนึ่งเดียวเท่านั้น มันไม่สอง ไม่มีสาม เพราะมันไม่มีแบ่งแยกไง แต่คนที่ไม่เป็นๆ มันก็แบ่งแยกของมัน
ดูสมัยพุทธกาลนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกประพฤติปฏิบัติธรรมดาของโลก ธรรมดาของโลกก็จะต้องหาครูหาอาจารย์ผู้ที่เขาประพฤติปฏิบัติมาก่อน ศึกษากับเขา ๖ ปีนะ ศึกษาค้นคว้ามามันไม่มีอยู่จริง ถ้าครูบาอาจารย์ที่มันไม่เป็นจริง มันจะเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไร
พระพุทธศาสนาเรามีศาสดา มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าเป็นศาสดาแต่ละยุคแต่ละคราวไง ภัทรกัป องค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นองค์ที่ ๔พระศรีอริยเมตไตรยมาเป็นองค์ที่ ๕ แล้วยังจะมีอนาคตวงศ์มาต่อเนื่องไปๆ ต่อเนื่องไปตลอด เพราะอะไร
เพราะคนมันสร้างคุณงามความดีมาไง พระพุทธศาสนาสอนเรื่องกรรมดีกรรมชั่วไง แล้วคนที่สร้างอำนาจวาสนาเป็นพระโพธิสัตว์ เขาก็ได้สร้างของเขามาแล้วเขาสร้างของเขาอยู่แล้วไง แล้วเขาสร้างของเขาอยู่แล้ว เขายังสร้างสมต่อไปข้างหน้า แล้วมันจะสูญสิ้นไปที่ไหน มันจะมีของมันตลอดไปไง พระพุทธศาสนาสอนเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว แล้วมันสร้างคนที่สร้างคุณงามความดี มันก็มีมากมายมหาศาล เขาจะต้องได้รับผลกรรมดีของเขาต่อเนื่องในอนาคตกาล
ฉะนั้น เวลาที่มีอำนาจวาสนามาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ออกประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาศึกษาค้นคว้ามันไม่เห็นมี มันเป็นเรื่องโลก เรื่องฌานโลกีย์เรื่องของวัฏฏะ ไม่ใช่เรื่องของสัจธรรมที่เป็นวิวัฏฏะออกจากวัฏฏะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษาค้นคว้ามาหมดแล้ว ถึงเวลาแล้ว ต้องมาศึกษาค้นคว้าด้วยตัวของท่านเอง
เพราะด้วยตัวของท่านเอง เวลามาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เวลาปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ เทศนา-ว่าการขึ้นมา ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา ใครที่ประพฤติปฏิบัติมีอำนาจวาสนา พุทธกิจ ๕ พระพุทธเจ้าเล็งญาณเขามีวาสนาหรือไม่ คนมากมายมหาศาล ท่านไปกอบโกยเอาทั้งหมดเป็นไปไม่ได้
พระพุทธศาสนาสอนเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว เขาสร้างเวรสร้างกรรมของเขามาพื้นฐานของเขามันไม่มี พื้นฐานของเขามันไม่ได้ ถ้าพื้นฐานของเขาไม่มี นี่ไง บุญไม่พอๆ ประพฤติปฏิบัติแล้วทำไมไม่ได้อย่างนั้น แล้วก็เหลวไหล เหลวแหลกแหลกลาญในการประพฤติปฏิบัติของตน มันเป็นไม้ค้ำโพธิ์มันไม่ใช่ต้นโพธิ์ ไม้ค้ำๆ มันก็แค่วิธีการเท่านั้น ตัวต้นโพธิ์ๆ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ตัวความเป็นจริงมันเป็นตัวต้นโพธิ์ แล้วตัวต้นโพธิ์ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา มันเป็นสัจจะเป็นความจริงในหัวใจดวงนั้น
ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาเทศนาว่าการขึ้นมา เวลาอบรมบ่มเพาะ พระที่มีอำนาจวาสนาเอตทัคคะ ๘๐ องค์ เวลาแสวงหา ดูสิ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เวลาไปศึกษากับ สัญชัย นั่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ นั่นนักบวชนอกศาสนา ถ้าไม่ใช่ ไม่ใช่แล้วศึกษาอย่างไรถึงไม่ใช่ เวลามาเจอพระอัสสชิ พระอัสสชิ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ แล้วธรรม ธรรมที่ไหน ก็พยายามแสวงหาอยู่นี่มันยังไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดไง แล้วธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ แล้วเหตุมันอยู่ไหนล่ะ แล้วตัวธรรมมันอยู่ไหน ไม้ค้ำโพธิ์กับต้นโพธิ์มันแตกต่างกันอย่างไร กายเป็นโพธิ จิตเป็นกระจกใสมันเป็นอย่างไร
นี่พูดถึงถ้าคนมีวาสนามันใช้สติปัญญาต่อเนื่องไป เวลาพระอัสสชิแสดงธรรมพระสารีบุตรเป็นพระโสดาบันเลย ไปบอกพระโมคคัลลานะก็ได้เป็นพระโสดาบันเหมือนกัน เวลาจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร เพราะอยู่กับสัญชัย สัญชัยอบรมบ่มเพาะมามากมายมหาศาล มันไม่เห็นได้เป็นชิ้นเป็นอันสักที เวลาถ้าเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา มาฟังพระอัสสชิ มันเป็นชิ้นเป็นอันเป็นสัจจะเป็นความจริงแล้ว
นี่ไง สิ่งที่ออกประพฤติปฏิบัติจะแสวงหาอะไร เราจะหาครูบาอาจารย์อย่างไรเวลาองคุลิมาล เขาก็เป็นคนคนหนึ่งที่ศึกษาค้นคว้าเหมือนกัน เขายังไม่ได้บวชเขาไปศึกษากับอาจารย์ของเขา อาจารย์ของเขา อิจฉาตาร้อนจะทำลายองคุลิมาล ให้ไปฆ่าคน เอานิ้วหนึ่งพันนิ้วมา เพื่อเอาวิชาการใหม่ ทั้งๆ ที่ไม่มีวิชาการอะไรอยู่เลย หลอกเขา
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเล็งญาณ องคุลิมาลเขามีวาสนา แต่เพราะเขาไปเจออาจารย์ชั่วร้าย อาจารย์ที่บิดเบือนบิดเบี้ยวทำให้เขาจะต้องจบชีวิตเลยจะฆ่าเขาด้วยกลอุบายวิธีการ สุดท้ายแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปโปรดไง เพราะว่าเขาเป็นบุรุษที่มีคุณภาพ เป็นที่วิ่งได้เร็วกว่าม้า เขาเป็นนักรบ
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป เขาวิ่งไม่ทันแล้ว “สมณะหยุดก่อนสมณะหยุดก่อน” “เราหยุดแล้ว เธอต่างหากไม่หยุด” “หยุดอะไร วิ่งเกือบตาย ไม่ทันเนี่ย” “หยุดทำความชั่ว หยุดจิตส่งออก หยุดออกรับรู้ภายนอก” ได้สำนึกเวลาสำนึกแล้ววางดาบขอบวช บวชแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการจนเป็นพระอรหันต์
สิ่งที่เขาได้ฆ่าคนมา ๙๙๙ ศพนั้นเป็นเพราะว่าเขาหลงผิด แต่ด้วยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเล็งญาณ เขามีวาสนาของเขา แล้วเทศนาว่าการ ด้วยสติด้วยปัญญาของเขาแทงทะลุธรรมะได้ ถ้าแทงทะลุธรรมะได้มันก็สำรอกคายกิเลสออก แล้วสำรอกมันคายกิเลสออก ก็เป็นพระอรหันต์ ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริง
นี่ก็เหมือนกันครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านก็อบรมบ่มเพาะขึ้นมาเพื่อให้มันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ถ้าให้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา เวลาสร้างขึ้นมา ธรรมทายาทๆ ครูบา-อาจารย์ที่เป็นเพชรน้ำหนึ่ง เพชรน้ำหนึ่งมากมายมหาศาล นั้นเป็นครูบาอาจารย์ที่เดินตาม และยอมรับสัจธรรมในใจของหลวงปู่มั่น แล้วเคารพบูชาโดยคุณธรรม ไม่ใช่แซงหน้าแซงหลัง ไอ้พวกแซงหน้าแซงหลัง เวลาอาจารย์ขององคุลิมาลคิดจะทำร้ายฆ่าเขาโดยกลอุบายเลยนั้น เพราะอะไร เพราะเขาอิจฉาตาร้อน
นี่ไง สัญชัยๆ เพราะไม่รู้สอนไง นั่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่อยู่นั่นไงเวลาพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระ-สารีบุตรไปฟังธรรมจากพระอัสสชิทีเดียว ถ้าคนมีวาสนา มันมีเหตุมีผล มันจับต้นชนปลายตามธรรมได้ แล้วมันแทงทะลุได้ด้วยสติด้วยปัญญาในใจของพระสารีบุตรไง เป็นพระโสดาบัน เวลาไปบอกพระโมคคัลลานะก็เป็นพระโสดาบันเหมือนกัน เพราะว่าเขามีอำนาจวาสนาของเขา อำนาจวาสนามันอยู่ที่หัวใจดวงนั้นไง
นี่ไง พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์สร้างคุณงามความดีขนาดไหน เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เขาต้องเจริญงอกงามไปในคุณธรรมของเขา เพราะอะไรเพราะเขาทำคุณงามความดีของเขา กรรมดี กรรมชั่ว กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมาพระพุทธ-ศาสนาให้เชื่อมั่นในกรรมดีและกรรมชั่ว กรรมคือการกระทำ แล้วเราก็จะทำคุณงามความดีของเราอยู่นี่ไง
นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญขึ้นอีกหนหนึ่ง เจริญขึ้นมาด้วยคุณธรรมในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น แล้วอบรมบ่มเพาะลูกศิษย์ลูกหาเป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ เป็นธรรมทายาท ธรรมทายาทเพื่อจรรโลงศาสนาให้ต่อเนื่องไป นี่กึ่งกลางพระพุทธ-ศาสนาแล้วกึ่งกลางพระพุทธศาสนา สิ่งที่มันสมบูรณ์แบบโดยวัดวาอารามเต็มประเทศภิกษุที่มีการศึกษาค้นคว้าขึ้นมาก็เป็นภาคปริยัติ
แล้วหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสร้างธรรมทายาทของท่าน ธรรมทายาทของท่านมาจรรโลงพระพุทธศาสนา งอกงามขึ้นมา วัดปฏิบัติ พระกรรมฐานเต็มประเทศเลย เราอยากประพฤติปฏิบัติสมบูรณ์แบบทั้งสิ้น มันเป็นโอกาสทอง มันเป็นสิ่งที่ใครที่มีอำนาจวาสนามาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วมีศรัทธามีความเชื่อในพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แบบ
เวลาออกประพฤติปฏิบัติโดยการอบรมบ่มเพาะของครูบาอาจารย์ ข้อวัตรปฏิบัติเราไง เวลาครูบาอาจารย์ที่ออกธุดงค์ขอบ้านน้อยๆ ๓ หลัง ๔ หลัง เขาจะได้ไม่มากวนเรา เราไม่ได้บวชมาเป็นเศรษฐีนี่ จะฉันอาหารตามความพอใจ ซีฟู้ดหมดเลย แล้วก็รอไง ท้องเท่าภูเขา ปากเท่ารูเข็มไง แล้วก็ปรารถนาอยู่อย่างนั้น ก็เรามองเป็นโลกไปหมดไง
แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม หาบ้านน้อยๆ มันสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ทุกอย่างสมบูรณ์หมด ขาดแต่ความเพียรของเราเท่านั้น ขาดแต่ความชอบธรรมที่จะประพฤติปฏิบัติให้มันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา ครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมถ้าจะเอาอะไรก็ได้ ในโลกนี้มีอะไร ศรัทธาของโลก ศรัทธาไทย ศรัทธาของชาวพุทธมันล้นฝั่ง มันมีมากมายเกินพอทั้งนั้น เราไม่ต้องการ! เราต้องการแต่ศีลสมาธิ ปัญญา ถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมานะ ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงมันจะมีโอกาสมีการกระทำ
กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ศาสนาจะเจริญขึ้นอีกหนหนึ่ง มันควรจะเจริญขึ้นมาในหัวใจของเราด้วย ในหัวใจของเรา เราดิ้นรน เราสร้างเวรสร้างกรรมจนเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วเกิดพระพุทธศาสนาถ้าเป็นศาสนาที่เป็นสัจจะเป็นความจริง เป็นศาสนาเดียวเท่านั้นที่ให้เราประพฤติปฏิบัติเป็นสัจจะเป็นความจริง ศาสนาอื่นเขาไม่มี ศาสนาอื่นเขาลัทธิศาสนาของเขาเชื่อพระเจ้าอย่างเดียว ผู้คุ้มครองดูแลไปอย่างนั้น มันไม่ได้มีการกระทำในหัวใจไงมันไม่เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา
ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา เราพยายามของเรา แล้วสร้างคุณงามความดีของเรา แล้วเราเลือกเอาให้มันเป็นสัจจะเป็นความจริง ถ้ามันไม่เป็นสัจจะเป็นความจริง นี่ธรรมไก่เขี่ย เวลาไก่เขี่ย ไก่เขี่ย เห็นไหม เวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระ-พุทธศาสนา ศาสนาเจริญงอกงามขึ้นมา มีวัดวาอารามมากมายมหาศาล มีภิกษุที่จะศึกษาค้นคว้าเป็นภาคปริยัติ ภาคปริยัติเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าเขามีอำนาจวาสนา เขาลงธรรมและลงวินัย เขาไม่ออกนอกลู่นอกทางนะ
ถ้าไก่เขี่ย ธรรมไก่เขี่ย แล้วเวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจ ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจเวลาสิ่งที่เป็นธรรมๆ มันเป็นธรรมโดยสัจจะโดยความจริง มันไม่ใช่อีกาไง เวลาธรรมไก่เขี่ย ไก่กาอย่างนี้ อีกามันก็ร้องก๊า ก๊า กามันยังร้องสื่อสารในฝูงของมันนะ แต่เวลาธรรมไก่กาอย่างนี้มันไม่มีอะไรเป็นข้อเท็จจริง เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา แล้วเป็นสัจจะความจริงขึ้นมา ทางโลก โลกเป็นใหญ่ๆ ถ้าโลกเป็นใหญ่ปฏิบัติพอเป็นพิธีๆ มันก็เป็นพิธีที่ปฏิบัติ แล้วเป็นวิธีที่ปฏิบัติ วิธีปฏิบัติ
ธุดงควัตร ธุดงควัตร เห็นไหม เป็นเครื่องขัดเกลากิเลส มันเป็นเครื่องขัดเกลา แล้วกิเลสล่ะ มันเป็นเครื่องขัดเกลา กิเลสมันจะมอดไหม้ มันจะเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา มันต้องมีมรรค มันต้องมีอริยสัจมีสัจจะเป็นความจริง ศีลสมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมา มันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาในหัวใจดวงนี้ ถ้าเป็นในหัวใจดวงนี้ขึ้นมาทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ถ้าใจสงบหรือไม่ ใจสงบแล้วเรายกขึ้นสู่วิปัสสนา ถ้าวิปัสสนาใช้ปัญญาอะไร
โดยสัจจะโดยความจริง เวลาเราเกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นปุถุชนคนหนา มันเป็นปุถุชนอยู่แล้ว เป็นปุถุชนเพราะอะไร ดูสิ เวลาเราเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์มีกายกับใจๆ เวลามีกายกับใจขึ้นมา กายกับใจแล้วถ้าประสบความสำเร็จทางโลกมันก็เป็นเรื่องโลกไง เรื่องโลกกับธรรม โลกเป็นใหญ่ โลกเป็นใหญ่ก็เป็นเรื่องโลกทั้งนั้น สิ่งใดมันก็เป็นสังคม มันเป็นสังคม มันเป็นโลกามิส มันเป็นเรื่องของโลกทั้งสิ้น
แล้วเวลาปฏิบัติ เวลาบวชพระ อุปัชฌาย์เวลายกเข้าหมู่ไง เกสา โลมา นะขาทันตา ตะโจ กรรมฐาน ๕ รุกขมูลเสนาสนัง นี่มันคืออะไร นี่คือเป้าหมายของพระพุทธศาสนา เป้าหมายพระพุทธศาสนาเพราะเวลาเราบวช เราจะเป็นนักรบเราจะรบกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน เราเห็นการเกิด การแก่ การเจ็บ การตายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แล้วเวลามันจะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มันจะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายด้วยอะไร ถ้าไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายด้วยอะไรมันเป็นสัจจะเป็นความจริง เกสา โลมา นะขา ตะโจ แล้วรุกขมูลเสนาสนังให้สถานที่ให้ชัยภูมิในการประพฤติปฏิบัติด้วย แล้วถ้าเราเป็นจริงล่ะ
ถ้าเราเป็นจริง เรามีอำนาจวาสนา เราทำความสงบใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบระงับ มันรู้ ปุถุชนคนหนา เวลาหลวงปู่มั่น เวลาท่านทำความสงบใจของท่านเวลาทำความสงบใจของท่านแล้วพิจารณากายๆ มันก็พิจารณากายอยู่อย่างนั้นท่านก็ทบทวนของท่าน “ทำไมมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย การประพฤติปฏิบัติมันมีเท่านี้หรือ การประพฤติปฏิบัติมันต้องมีลึกซึ้งกว่านี้”
การประพฤติปฏิบัติไง เวลามันทุกข์มันยาก เวลามันฟุ้งมันซ่าน เวลากิเลสมันครอบงำ หัวใจของตนทุกข์ไหม แล้วถ้าเราจะเอาชนะกิเลสของเราไง ถ้าเราจะเอาชนะกิเลสของเรา สิ่งใดที่มันเคยขับถ่ายไว้ในหัวใจ แล้วไอ้คนที่อ่อนแอก็เชื่อมัน เชื่อมันกิเลสมันก็จูงจมูกอยู่อย่างนั้น ถ้ามันทำแล้วทำเล่ามันไม่มีอะไรเจริญงอกงามขึ้นมา แล้วทำไมมันไม่มีอุบายวิธีการพลิกแพลง โง่อย่างกับหมาตาย ทำซ้ำทำซากอยู่อย่างนั้น แล้วกิเลสมันพอกจนเป็นหางหมู จนจะแกว่งไม่ไหวอยู่แล้ว
ถ้ามันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมามันต้องทดสอบสิ มันทดสอบ มันพิจารณาของมันเวลาหลวงปู่มั่นท่านพิจารณาของท่านแล้ว เอ๊ะ! ท่านทบทวนของท่าน กุสลา ธมฺมาอกุสลา ธมฺมา เราทำของเรามา เรารู้ แต่เพราะกิเลสมันครอบงำมีมารยาสาไถยมันไม่ยอมรับความจริง นี่ไง ไม่มีวาสนา ถ้ามันมีวาสนามันจะทดสอบ มันจะพิจารณาของมันไง ถ้าพิจารณาของมันนะ “สมาธิเป็นสมาธิจริงๆ หรือ ถ้าสมาธิถ้าจิตมันสงบ สงบอย่างไร”
มันแน่นอนอยู่แล้วเวลาที่มันทุกข์มันยาก เวลากิเลสมันเหยียบย่ำหัวใจ กิเลสมันย่ำยีหัวใจมันรู้อยู่แล้ว หน้าชื่นอกตรม “สบายดีไหม” “สบายครับ สบายค่ะ” สบายอะไร กิเลสมันขี่หัวอยู่นั่น สิ่งที่มันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ถ้าเราจะเป็นนักปฏิบัติ เราจะเริ่มปรับพื้นที่ในหัวใจของตน เราจะเริ่มสร้างคุณงามความดีไงหลวงปู่มั่นท่านสอนนะ ทำนาก็ทำบนที่นาของตนทุกปีๆ นั่นน่ะ แล้วเดี๋ยวนี้ทำปีละ๓ หน นาผืนนั้นทำนา ๓ หน ปีนั้น ๓ หน ๔ หนด้วย ทำที่เดิม ทำที่เดิม
นี่ก็เหมือนกัน จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เกิดนรกอเวจี จิตดวงนี้มันผ่านมามากมายมหาศาล ถ้ามันมากมายมหาศาล มันจะไม่มีอำนาจวาสนา ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เวลาเกิดเป็นมนุษย์มันต้องมีบุญกุศลส่งมันมา ถ้ามีบุญกุศลส่งมันมาแต่บุญกุศลไม่เท่ากันไง คนที่เกิดมาแล้วมันมีบุญมีกุศลได้สร้างมา ทำคุณงามความดีมา เขาก็ประสบความสำเร็จชีวิตของเขาในทางโลก ถ้าเขามีอำนาจของเขา เขาก็เห็นว่าชีวิตนี้มันควรจะมีสัจจะมีความจริง มีอริยทรัพย์ มีบุคคล ๔ คู่เป็นสมบัติเป็นของตน เขาก็อยากจะฝึกหัดประพฤติปฏิบัติของเขา
แล้วถ้าเวลาจะฝึกหัดประพฤติปฏิบัติของเขา เขาก็ต้องทำความสงบของใจเข้ามาก่อน การทำความสงบของใจเพื่ออะไร โลกกับธรรมไง โดยสามัญสำนึกโลกทั้งนั้น เพราะเราเกิดกับโลก เราเกิดจากพ่อจากแม่ เราเกิดมาบนโลกนี้ โลกนี้มันเป็นมิติหนึ่งของสังสารวัฏ มันก็อยู่ในอำนาจของโลกนี้ แล้วธรรมอยู่ไหนล่ะโลกกับธรรม ก็เราเกิดมาเพื่อจะประพฤติปฏิบัติธรรมไง กึ่งกลางพระพุทธศาสนาศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่งไง ตัวศาสนาเจริญอยู่แล้ว
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ เวลาพระ-อัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าอุทานเลย “อัญญาโกณฑัญญะรู้แล้วหนอ” แสดงว่ามีพยาน เป็นองค์แรก ถ้ามันเป็นจริงมันต้องเป็นจริงอย่างนั้น
มันไม่ใช่เป็นจริงที่ลูบๆ คลำๆ เออออห่อหมกอยู่เนี่ย ไอ้ธรรมะไก่กา ไก่เขี่ยเขี่ยอยู่อย่างนั้นว่าเป็นธรรมๆ มันเขี่ยไปเขี่ยมา ไก่มันยังเขี่ยหาอาหารนะ แล้วสุภาษิตไง ไก่ได้พลอยๆ เขี่ยไปเจอพลอยมันยังไม่ต้องการเลย มันอยากได้อาหารของมัน โดยสัญชาตญาณของไก่มันต้องการอาหาร มันไม่ต้องการพลอย ไก่เขี่ยเขี่ยไปเขี่ยมา เขี่ยอยู่อย่างนั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์กับใครเลย เพราะมันเป็นไก่ ธรรมไก่เขี่ย ถ้าเป็นอีกา อีกาก็ก๊า ก๊า สอนแต่คนอื่น สอนแต่เขา อยากจะให้คนอื่นเชื่อมั่นในตนเอง ไม่เชื่อมั่นตนเองเลยหรือ
พระกรรมฐานเขาปฏิบัติขนาดไหนนะ เงียบ หลวงปู่เจี๊ยะนี่ ๒ ขั้น ๓ ขั้นต้องหลวงปู่มั่นเท่านั้น ไม่พูดให้ใครฟังเลย ถ้ามันเป็นความจริงใครเขาจะรู้กับเราองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วนะ “จะสอนใครได้หนอ จะสอนใครได้หนอ” ปัญญาระดับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “จะสอนใครได้อย่างไร ใครเขาจะรู้ได้กับเรา” โลกกับธรรม
เรื่องโลกๆ นะ เขาสอนทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาของโลกตอนนี้มันศึกษาจนเคลื่อนไหวไป จนตอนนี้ไอทีมันไปไกล การศึกษานี่ล้าหลัง ตามไม่ทันเขาแล้วทุกประเทศในโลกนี้มีปัญหาเรื่องการศึกษา ศึกษาๆ ศึกษาจนตัวเองตันไปหมดเลย ไอทีมันก้าวข้ามไปข้างหน้าโน้นแล้ว นี่คือการศึกษาไง ศึกษาทางโลกไง มีวันจบวันสิ้นไหม แต่ถ้าทางธรรมจบ จบด้วยนี่ไง ถ้าเราเอาจริงเอาจังขึ้นมา เราต้องทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ทำความสงบของใจเข้ามาเพื่อเข้าสู่ธรรมไง
ไอ้พวกไก่กาน่ะ ภายนอก ภายใน ก็ภายในผิวหนังนี่ไง นี่จากผิวหนังก็เข้าเป็นภายใน จากนอกผิวหนังก็เป็นภายนอก ไอ้พวกไก่กา ใจของตนน่ะ นี่กัลยาณชนความคิดทั้งหมดเป็นโลกทั้งสิ้น ความคิดทั้งหมดเกิดจากจิต เกิดจากความรู้สึกนึกคิดที่เกิดเป็นมนุษย์นี้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระลึกอดีตชาติไป พระ-เวสสันดรไป แล้วจุตูปปาตญาณถ้าไม่สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า อนาคตไปหมดแล้วโลกทั้งหมดเป็นอย่างนี้ทั้งสิ้น อาสวักขยญาณ ทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า สำรอกคายกิเลส ครอบครัวของมารตั้งแต่อวิชชาลูกมัน ๓ คน ความโลภ ความโกรธ ความหลงไง หลานมัน เหลนมัน ฆ่าทิ้งหมดเลย ฆ่าทิ้งด้วยมรรคญาณ นิโรธ! ดับหมด ถ้าเป็นข้อเท็จจริงไง
ถ้าเป็นข้อเท็จจริงมันเป็นข้อเท็จจริงอย่างนั้น แล้วเราจะประพฤติปฏิบัติไง ถ้าเราไม่ฝักใฝ่ครูบาอาจารย์ที่เป็นไก่เป็นกา ในสมัยพุทธกาล เวลาเทวทัตก็อยากจะปกครองสงฆ์ อยากจะอบรมบ่มเพาะ อยากจะสอนเขา แล้วรู้อะไร แค่ทำสังฆเภทนะ ฌานสมาบัติเสื่อมหมด เสื่อมทันที ไม่มีอะไรอยู่ในหัวใจอีกเลย
แล้วหัวใจที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วเรามีอำนาจวาสนาที่เราจะประพฤติปฏิบัติ ถ้าเราจะประพฤติปฏิบัติ ถ้าเรายังตรากตรำ เรายังวิเคราะห์วิจัยของเราอยู่อย่างนี้ มันก็เป็นโลกียะทั้งสิ้น โลกียะเพราะการศึกษาทางโลกไง อยากจะเป็นโลกุตตรธรรม “แหม! ไอ้พวกนั้นมันเป็นโลกียะ เพราะมันหลับตา ไอ้พวกเรานี่จะเป็นโลกุตตระเพราะเราลืมตา”
หลับตา ลืมตา ไม่เกี่ยวกับหัวใจ จักขุญาณ จกฺขํุ อุทปาทิ จักขุญาณเกิดขึ้นเกิดญาณ เกิดปัญญา เกิดความสว่างไสว เกิดอะไร เกิดอย่างไร นี่ไง ถ้าบุคคล ๔คู่ไง
ถ้าเกิดเป็นมนุษย์มันเป็นปุถุชน ปุถุชนโลกๆ ทั้งสิ้น จะวิเคราะห์จะวิจัยจะมีการศึกษามากน้อยขนาดไหนนี่ธรรมะไก่เขี่ย ไก่มันเขี่ย ไก่มันเขี่ยแสวงหาอาหารเพื่อดำรงชีพของมัน ไอ้นี่ธรรมะไก่เขี่ยก็เขี่ยไปเขี่ยมา เขี่ยจนไม่รู้จักว่าจักเพชรจักพลอยมีคุณค่าอย่างไร เพราะมันเป็นไก่ เพราะมันเป็นโลก มันไม่ใช่ธรรม
โลกกับธรรม ภายนอก ภายใน มันอยู่ที่เรานี่ ภายนอก ภายใน มันอยู่ที่สติสัมปชัญญะ ถ้าสติสัมปชัญญะเท่าทันความรู้สึกนึกคิด มันไม่ส่งออกไป ถ้าไม่ส่งออกไป แล้วบริกรรมพุทโธ ต้องรักษามันไว้เพื่อให้มันสงบระงับเข้ามา แล้วถ้ามันทำไม่ได้ มันใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ปัญญา ปัญญาของเรา ปัญญาไตร่ตรองปัญญาอบรมสมาธิเข้ามาตรึกธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม-พุทธเจ้า เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ไง เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง
พระพุทธศาสนา ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า ศึกษาธรรมะขึ้นมา สุภาษิตทุกภาษิตต่างๆ นิทานต่างๆ ก็มาจากพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่แล้วนิทานพื้นบ้านก็มาจากพระไตรปิฎกทั้งสิ้น อึ่งกับโคอย่างนี้ เวลานกกระเรียนนก มาจากนิทาน มาจากสุตตันตปิฎก เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินักปราชญ์ราชบัณฑิตเขาศึกษาค้นคว้ามาแล้ว เขาก็มาเรียบเรียงให้เป็นสุภาษิตไว้สอนเยาวชน
เราศึกษาค้นคว้ามามันมีของมันอยู่แล้ว ถ้ามันมีของมันอยู่แล้ว ถ้าเราศึกษาค้นคว้ามันเป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า มันไม่เป็นของเราแล้วถ้าเรามีอำนาจวาสนาขึ้นมา เราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาไง เรามีครูบาอาจารย์ เราเลือกเอา เราเลือกครูบาอาจารย์ให้เป็นธรรมทายาท ให้เป็นธรรมที่เคารพบูชาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมเขาจะมีคุณธรรมในใจ ถ้าคุณธรรมในใจเขาเรียกว่าลง ถ้าลงธรรมและวินัยขึ้นมาแล้วมันจะเคารพบูชา ประพฤติปฏิบัติให้มันเป็นข้อเท็จจริง
ถ้ามันกระด้าง มันดื้อด้าน มันแข็งข้อ คดในข้อ งอในกระดูก มันไม่ฟังใครทิฏฐิมานะมันฟังใคร กิเลสกล่อมหัวมันอยู่มันยังไม่ฟังใครทั้งสิ้น แล้วมันก็จะแสวงหาธรรมไก่กานั่นน่ะ เพราะไก่กาไม่มีเหตุไม่มีผล ไก่มันก็เขี่ยมันอยู่อย่างนั้นเขี่ยไปเขี่ยมา เขี่ยให้ออกจากตัวเองไป เขาว่าคนนู้น เขาว่าคนนี้ เขี่ยนะ ไก่เขี่ยๆอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับตน
พระสารีบุตรน่ะครูพักลักจำ องค์สมเด็จพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าเทศนาว่าการหลานพระสารีบุตร พระสารีบุตรเฝ้าพัดองค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ เขาพูดถึงสัจธรรม องค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดถึงสัจธรรม พระสารีบุตรน้อมมา อกาลิโกไม่มีกาลไม่มีเวลา น้อมสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรมสัจธรรมในหัวใจครูบาอาจารย์ที่มีอำนาจวาสนาเรียกร้องสัตว์ทั้งหลาย เรียกร้องหัวใจให้เบิกบานเรียกร้องหัวใจ ทำหัวใจของตนให้ชื่นบาน
ไอ้ไก่เขี่ยมันเขี่ยๆๆ เขี่ยออกหมดเลย “ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ว่าเรา อู้ย! ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ” ธรรมชาติมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ธรรมชาติเตือนเราทั้งสิ้น เกิดแก่ เจ็บ ตาย สัจธรรมทั้งสิ้น โง่เขลาเต่าตุ่นไม่เห็นธรรมเลยหรือ ไม่รู้จักธรรมใช่ไหม ในธรรมบท เวลาคนตายไป ไปยมบาล ยมบาลถามเขาว่า “รู้จักธรรมไหม” “ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น” “ไม่รู้จักธรรมะเลยหรือ” “ไม่รู้” “เห็นคนเกิดไหม” “เห็น” “เห็นคนตายไหม” “เห็น” เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นน่ะเขาสอนเอ็ง ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเลย ไม่รู้ไม่เห็นก็ไก่เขี่ย เขี่ยออกๆๆ ไง
ถ้ามันเป็นจริงเป็นจังนะ หาครูบาอาจารย์ หาครูหาอาจารย์ที่มีคุณธรรม มันเป็นธรรมๆ ขึ้นมา แล้วมันอบรมบ่มเพาะขึ้นมาในหัวใจดวงนี้ ถ้าหัวใจดวงนี้แล้วมันไม่ต้องไปโทษใครทั้งสิ้น กิเลสเราทั้งนั้น ไม่ต้องโทษใครเลย กิเลสเราทั้งนั้นกิเลสมันเบี่ยงเบน มันบิดพลิ้ว มันฉงนสนเท่ห์ แล้วถ้ากิเลสบังเงาๆ มันอ้างตัวมันเป็นธรรมะมีหน้าฉากหลังฉาก แต่ธรรมะนี้ไม่มี ธรรมะเขารื้อค้นพยายามแสวงหาพยายามกระทำให้มันเป็นข้อเท็จจริงให้มันชัดเจนขึ้นมา ชัดเจนกับใจของเรา
เวลาเริ่มต้นการประพฤติปฏิบัติ ปุถุชนคนหนา น่าเห็นใจมาก เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านเห็นใจมาก การปฏิบัติเริ่มต้นมันเป็นสิ่งที่ยากที่สุด แล้วมันยากที่สุดแล้วประพฤติปฏิบัติขึ้นมาจะล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน ถ้าบุญไม่พอๆอยู่อย่างนั้น มันก็ปฏิบัติเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเพิ่มอำนาจวาสนาของตน ถ้าอำนาจวาสนาของตนมันไม่เพียงพอ ไม่มีสิ่งใดเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา เราก็พยายามเพิ่มอำนาจวาสนาของเรา
แต่ถ้ามันมีสัจจะเพียงพอ เราทำความสงบของใจเข้ามา พยายามทำความสงบของใจเข้ามา ขณะทำใจให้สงบ การชนะกิเลสในใจของตนคือทำสัมมาสมาธิได้ การพ่ายแพ้กิเลสของตน กิเลสมันข่มขี่อยู่อย่างนั้น แล้วก็มีแต่ไม้ค้ำโพธิ์เอาไม้ค้ำโพธิ์ว่ามันจะเป็นโพธิ์ มันไม่ใช่โพธิ์ ถ้ามันเป็นโพธิ์ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ใครมีสติสัมปชัญญะเป็นต้นโพธิ์ โอ้โฮ! ถ้าสติดีเป็นอย่างนี้ มันมีความสุข แล้วมันมีความพอใจ แล้วฝึกหัดๆ สติดีขึ้น มีคำบริกรรมดีขึ้น
เวลาจิตมันสงบ “อ้อ! สมาธิเป็นแบบนี้ สมาธิเป็นแบบนี้” แล้วเป็นแบบนี้ทำอย่างไรต่อไป ทำอย่างไรต่อไป ครูบาอาจารย์ของเราให้รักษา ชำนาญในวสีชำนาญในการทำความสงบของใจเข้ามา ทำให้มันมากขึ้นๆ ถ้าจิตมันตั้งมั่น จิตมันไม่มั่นคงไง จิตไม่มั่นคงมันจะไปเห็นอะไร เห็นกายๆ เห็นกายใครก็เห็น เห็นกายๆ ที่ว่าเห็นกายๆ มันสร้างภาพทั้งสิ้น
ถ้ามันเห็นตามความเป็นจริงสิ เห็นตามความเป็นจริงมันสะเทือนกิเลสไง เห็นตามความเป็นจริง กิเลส อวิชชา มันอยู่ที่หัวใจของสัตว์โลก อวิชชาคือความไม่รู้ถึงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เพราะมันไม่รู้ตัวมัน เกิดๆๆ เพราะมันไม่รู้ตัวมันแล้วมันก็ยังไม่รู้ตัวมันตลอดไป แล้วมาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันก็ยังไม่เข้าใจตัวมันอยู่อย่างนั้น การไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปไม่เข้าใจมัน บริกรรมพุทโธๆๆ ไป ไม่เข้าใจแต่ก็จะกอดองค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้าด้วยคำบริกรรม คำบริกรรมนั้นมันทำให้ใจสะอาดได้ มันทำให้ใจสะอาด ใจสะอาดคือสัมมาสมาธิไง เพราะความสะอาด เพราะไม่มีกิเลสครอบงำ เพราะไม่มีกิเลสเป็นอนุสัย
กิเลสเป็นอนุสัยที่เจือปนมาเป็นสมุทัย ถ้ามันมีสมุทัยอยู่มันก็อยู่อย่างนั้นด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยความรู้สึกนึกคิดของตน โดยคิดว่ามันเป็นปัญญา มันมีสมุทัยเจือปนอยู่ตลอดเวลา สมุทัยเจือปนอยู่ตลอดเวลามันจะเข้าสู่สัจจะความจริงได้อย่างไร ถ้ามันเข้าสู่สัจจะความจริงไม่ได้ เราก็กลับมาทำความสงบของใจให้มากขึ้น
เพราะการทำความสงบของใจ จิตใส จิตเป็นสัมมาสมาธิเพราะสมุทัยเพราะอนุสัยมันสงบตัวลง สัมมาสมาธิคือกิเลสสงบตัวลง กิเลสสงบตัวลงชั่วคราวๆ ถ้ากิเลสสงบตัวลงชั่วคราว คนที่ทำสัมมาสมาธิได้หรือทำความสงบได้ไม่มีอำนาจวาสนา “นี่คือนิพพานๆ” ติด! ติดสมาธิๆ ครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมเวลาฟังรู้เลยติดสมาธิ ถ้ามีสมาธิให้ติด มันไม่มีสมาธิให้ติดด้วย ไก่เขี่ยๆ มันว่ามันเป็นๆ ไงแล้วมันว่ามันก็คือว่าไง
แม้แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษาค้นคว้ามากับเจ้าลัทธิต่างๆ ไม่เชื่อเลย แล้วอุทกดาบส อาฬารดาบส “เจ้าชายสิทธัตถะได้สมาบัติ ๖สมาบัติ ๘ เหมือนเรา เป็นอาจารย์สอนได้” เจ้าชายสิทธัตถะไม่สนใจเลย เพราะอะไร เพราะถ้ามันเป็นฌานสมาบัติ มันก็เป็นแค่ฌานสมาบัติไง ฌานสมาบัติมันเป็นกำลังของจิต ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสา-นัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญา-นาสัญญายตนะ มันก็เป็นฌานโลกีย์
ถ้ามันทำได้มันมีกำลังของมัน มีกำลังของมัน มันก็มีอภิญญาได้ อภิญญาก็คืออภิญญาไง เกจิอาจารย์นี่ไง มันจะเข้าสู่มรรคเป็นไปไม่ได้ มันไม่รู้จักมรรคด้วยเพราะอะไร เพราะฌานสมาบัติ รับรู้นี่ส่งออกแล้ว ก้าวออกมารู้อารมณ์ไง อารมณ์ว่าง อารมณ์ต่างๆ อากาสานัญจายตนะ อากาศหมดเลย อากิญจัญญายตนะวิญญาณัญจายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะมันเป็นอย่างไร ฌานสมาบัติ นี่ส่งออกทั้งนั้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศีล สมาธิ ปัญญาเพราะอะไร เพราะสัมมาสมาธิมันเป็นมรรคองค์หนึ่งในมรรค ๘ ถ้าขาดสิ่งนี้มันจะเข้าสู่มรรคไม่ได้ ถ้าไม่มีสัมมาสมาธิเป็นพื้นฐาน มันก็โลกนี่ไง ศึกษาค้นคว้าจนการศึกษานี้จะล้าหลังไอทีแล้ว ทั่วโลกมีความบกพร่องในการศึกษาทั้งสิ้น
แต่ในการประพฤติปฏิบัติของเราๆ ไง ถ้าในการประพฤติปฏิบัติของเราอำนาจวาสนามันเกิดจากจิตดวงนี้ จิตนี้สำคัญมาก จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมีอำนาจวาสนาศรัทธาในพระพุทธศาสนาหรือไม่ ถ้าศรัทธาในพระพุทธศาสนามันจะเงี่ยหูลงฟังธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้าด้วยความซื่อสัตย์
ไม่ใช่เอาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นสินค้า มาเพื่อหาผลประโยชน์ ผลประโยชน์ว่าข้ารู้ไง ก๊า! ก๊า! อีกา กามันยังสื่อสารในฝูงของมันนะกายังเป็นสัตว์ฉลาดนะ ทางการวิจัยเขาวิจัยแล้วว่ากานี่เป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก แต่ไอ้พระ-กรรมฐานก๊า! ก๊า! นั่นน่ะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะอะไร เพราะไม่มีคุณธรรมในใจไง
สติ มันก็มีธรรมในสติสัมปชัญญะนั้น สมาธิไง รสของธรรมๆ สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม แล้วปัญญาเวลาศึกษาค้นคว้าถ้าในการประพฤติปฏิบัติ ถ้าใครประพฤติปฏิบัติเป็นสัจจะเป็นความจริงมันรู้มันเห็นเป็นชั้น อาหารรสชาติมันแตกต่างกัน ถ้าใส่ปรุงรสมากมันก็รสจัด สุตมยปัญญา เวลาเราคิดที่ว่าสิ่งที่ว่าเป็นโลกๆ ทางวิทยาศาสตร์ ความคิดทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์วิจัยมันมีอยู่ทุกคนรับรู้ได้ทั้งสิ้น เพราะมันเกิดจากจิต แล้วมันเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันมีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ โดยธรรมชาติของจิตมันมีธาตุรู้ ผู้รู้ ต้องคิดต้องวิเคราะห์วิจัยเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เวลาทำความสงบใจเข้ามา พอใจมันสงบแล้วพอน้อมไปสู่เห็นสติปัฏฐาน๔ ตามความเป็นจริง เวลาปัญญามันเกิดขึ้นไง เวลาปัญญามันเกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากอะไรล่ะ เกิดขึ้นจากสัมมาสมาธิไง จิตตั้งมั่น จิตน้อมไปเห็นสติปัฏฐาน ๔ แล้วสติปัฏฐาน ๔ แล้วฝึกหัดพิจารณาของมัน แยกแยะมันๆ
เวลามันแยกแยะ เห็นไหม เวลาปัญญามันหมุน ปัญญามันเกิดขึ้นมันคนละเรื่อง โลกียะกับโลกุตตระ ไอ้ภายนอก ภายใน มันคนละเรื่อง เพราะภาวนามยปัญญาไง สุตมยปัญญา จินตมย-ปัญญา ภาวนามยปัญญา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนาๆ ไม่ใช่เกิดจากสัญญา แล้วสัญญานี้ตัวร้าย การประพฤติปฏิบัติล้มลุกคลุกคลานก็เพราะสัญญานี่
หลวงปู่มั่น หลวงตาพระมหาบัวท่านเล่าไง เวลาหลวงปู่มั่นเทศน์สิ่งใดที่เป็นไฮไลท์ สิ่งใดที่มันเป็นสมุจเฉทปหาน สิ่งใดที่จะดับทุกข์ ท่านบอก “พูดไม่ได้! เดี๋ยวกิเลสมันจะเอาไปขายกิน” ท่านข้าม! ข้าม! ข้าม! ท่านข้ามไป แต่เวลาท่านตอบปัญหาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแล้วมันจะเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ท่านก็ต้องตอบ แล้วถ้าใครภาวนาเป็นนะ มันจะอันเดียวกันเลย รู้หมด แต่ถ้าคนมันไม่เป็น พอมันไม่เป็น มันไปจำมา
เวลาวิทยานิพนธ์ของครูบาอาจารย์เรา หลวงปู่ขาวท่านพิจารณาต้นข้าว เห็นไหม เวลาถึงที่สุด เวลาของหลวงปู่บัว ขางคานของคาน เวลาครูบาอาจารย์ท่านเอาออกมา เวลาพูดมาเพื่อให้เป็นคติธรรม เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ลูกหาลูกศิษย์กรรมฐานได้ชื่นชมว่า ภาวนามยปัญญาของหลวงปู่ขาวเป็นแบบนี้ มีคนจำไปเยอะแยะ ไอ้พวกธรรมไก่กา “ของเราก็เห็นข้าว โอ้ย! ข้าวมันจะสุก ข้าวมันจะดิบ” ข้าวอะไรวะ สัญญานะ นั่นน่ะร้ายนัก
พระปฏิบัติควรได้ศีลได้ธรรม ได้คุณธรรมขึ้นมาในใจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เวลาจิตมันสงบระงับแล้วไปเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง จะเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรม อย่างใดอย่างหนึ่งได้ทั้งสิ้น แล้วถ้ามันเห็นจริงมันก็เป็นข้อเท็จจริงไง อย่างเช่นเราเป็นโรคเป็นภัยอะไร เขาไปหาหมอ หมอวิเคราะห์วิจัยตรวจแล้วว่าเป็นโรคอะไร เราก็รักษาโรคนั้นตามอาการอย่างนั้น
จิตของคน จิตของนักปฏิบัติ เวลาที่มันจะไปรู้จริงเห็นจริงตามความเป็นจริงเป็นโพธิญาณ ไม่ใช่ไม้ค้ำโพธิ์ มันจะเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมา มันพิจารณาของมันโดยข้อเท็จจริงของผู้ที่ประพฤติปฏิบัตินั้นถ้ามันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา มันจะเกิดภาวนามยปัญญา แล้วปัญญามันจะเกิดขึ้นจากการกระทำของใจของตนนั้น ถ้าใจของตนนั้นทำสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาเห็นไหม นี่ไง เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านปรารถนาสร้างธรรมทายาทๆ
เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา สมบูรณ์แบบโดยประเทศไทยเป็นประเทศนับถือพระพุทธศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ทุกอย่างพร้อมหมด แต่กิเลสของเราๆ นี่มันต้องการ ต้องการอุดมสมบูรณ์ ต้องการอยู่แบบพูนสุข ต้องการ... แล้วเอ็งจะบรรลุธรรมได้อย่างไร เพราะอันนั้นเป็นการปรนเปรอกิเลสทั้งสิ้น
เรามาเพื่อตบะธรรมจะแผดเผากิเลส เราจะมาชักฟืนชักไฟออกจากกองหัวใจของเรา เราจะชักฟืนชักกิเลสออก เราจะทำศีล ทำสมาธิ ทำปัญญา เป็นตบะธรรมเพื่อแผดเผาทำลายกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของตน แล้วจะมาเอาความอุดมสมบูรณ์อุดมพูนสุขอะไร ไอ้นั่นมันปรนเปรอกิเลสไง ครูบา-อาจารย์ของเราหาให้ได้ทั้งนั้น ถ้ากินอิ่มนอนอุ่นแล้วมันเป็นไปได้ เราจะเปิดโรงเรียนประจำเลย ซื้อหาให้กินให้เต็มที่เลย ดูสิ มันจะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาไหม มันไม่มีหรอกมันเป็นไปไม่ได้ ไปส่งเสริมมันกิเลสตัวอ้วนๆ ทั้งนั้น
เขาต้องการ ตบะธรรมๆ เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ อุปัชฌาย์ให้มาตั้งแต่กรรมฐาน ๕ กรรมฐาน ๕ แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติพระป่าพระกรรมฐานไงเวลาความเป็นธรรม บุคคล ๔ คู่ไง บุคคล ๔ คู่ โดยสัจจะโดยความจริงของมันเวลาประพฤติปฏิบัติ การปฏิบัติยากอยู่สองคราว คราวหนึ่งคือคราวเริ่มต้น แล้วอีกคราวหนึ่งคราวจะถึงที่สิ้นสุด มันลึกลับซับซ้อนนัก ถ้ามันลึกลับซับซ้อนขึ้นมาถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริง ถ้ามีอำนาจวาสนาก็ทำให้มันเป็นความจริงของเราขึ้นมา มันไม่ใช่ธรรมไก่กา
ธรรมไก่กาหน้าไหว้หลังหลอกๆ แล้วปลิ้นปล้อนไปเรื่อย เพราะกิเลสมันอยู่ในใจของใครคนนั้นรู้ กิเลสเต็มหัวใจเลย มันสงสัย มันเรรวน มันพูดให้เป็นจริงขึ้นมาไม่ได้ เพราะไม่มีขณะไง ขณะคือสมุจเฉทปหานมันจบสมบูรณ์แบบไง มันไม่มีแล้วมันยืดไปยืดมาคือเหลวไหล คือหาทางลง จะปลิ้นปล้อนไปอย่างไรก็ได้มันไม่กล้าพูดนี่ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าพูดอะไรเป็นอะไรมันก็จบไง ใช่หรือไม่ใช่ไงถ้ามันใช่หรือไม่ใช่มันก็จบ ธรรมคือธรรม มันมีอะไรที่จะสูงกว่าธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ ถ้าเอ็งปรารถนาอยากจะเป็นธรรม เอ็งไม่ยอมรับความเป็นจริงหรือ ถ้าไม่ยอมรับความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่ธรรมไง
สัจธรรม อริยสัจจะยิ่งกว่าจริงอีก จริงจนพญามารหาไม่เจอแล้วกันแหละ จนกิเลสตามไม่ได้ ไม่มีใครรู้เห็นมันเลย ถ้ามันเป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาแล้วครูบาอาจารย์รู้ องค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านพยากรณ์ไว้แล้ว ไอ้พวกแซงหน้าแซงหลัง ไอ้แซงหน้าแซงหลังก็ธรรมะไก่กา ถ้าเราเคารพบูชา เราไม่แซง เราพยายามทำให้เป็นสัจจะเป็นความจริงขึ้นมาในใจของเรา
เราเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ประเทศไทยเป็นประเทศที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติสมบูรณ์แบบมาก แล้วถ้าเป็นการประพฤติปฏิบัติมันเป็นตบะธรรม มันเป็นการแผดเผากิเลส มันเป็นการสร้างธรรมทายาท มันจะเป็นธรรมทายาท เป็นสัจจะขึ้นมาในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มาเป็นหมูมาหาอยู่หากินในพระพุทธศาสนา มันไม่ใช่ หาอยู่หากินโดยความถูกต้องชอบธรรม มันก็เป็นการสร้างบารมีไปอย่างหนึ่ง ถ้าหาอยู่หากินโดยความไม่ชอบธรรม นรกอเวจีรออยู่ข้างหน้า
ถ้าเป็นความจริง เห็นไหม สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แล้ววิมุตติสุขในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงแล้ว มันเหนือโลก! เหนือวัฏฏะ เหนือสรรพสิ่งในสังสารวัฏนี้เอวัง